รีวิว Xiaomi 9T Pro — Flagship Killer แห่งปี
เนื่องด้วย OnePlus 3T เก่าที่ใช้อยู่ได้หมดระยะ support แล้ว จึงคิดว่าเป็นเวลาดีที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ และก็ได้เจอ Xiaomi 9T Pro ราคาดีมากๆ หลังจากลังเลอยู่ประมาณอาทิตย์นึง ดูรีวิวยูทูปมากมาย ในที่สุดก็ได้ถอยมันมาครอบครอง
การสั่งซื้อ
ใครสนใจอยู่แนะนำให้รีบสั่งเลย เพราะ Xiaomi Official Store บน JD Central ตอนนี้ลดราคาโหดมาก รุ่น 64 GB เหลือเพียง 9,990 บาทเท่านั้น ราคาโชว์ 10,990 บาทและมีคูปองลดอีก 1,000 บาท (คูปองใช้ได้ถึงสิ้นเดือนพ.ย. 2562) ส่วนใครอยากได้รุ่น 128 GB ก็จะบวกมาอีก 1,000 บาท ส่วนตัวไม่ค่อยได้เก็บอะไรบนมือถือมาก รูปเต็มก็อัพขึ้น Cloud แล้วลบ ฉนั้น 64 GB ก็เหลือเฟือแล้ว
สั่งไปเมื่อวันพุธค่ำๆ วันพฤ.เช้ามาส่งแล้ว โดยเป็นขนส่งของ JD Central เอง เร็วเว่อร์จริงๆ แต่จะเร็วหรือช้าแค่ไหนก็อาจจะแล้วแต่กรณีเพราะเห็นในรีวิวบน JD Central บางคนก็ไม่ได้เร็วขนาดนี้
เสป็ค
ที่เลือกซื้อรุ่นนี้เหตุผลนึงคือเพราะเสป็คโหดมากๆ ตอนแรกดู A50s ของ Samsung ไว้ แต่เจอตัวนี้ราคาต่างกันไม่มาก แต่ได้ซิป Snapdragon 855 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับ flagship อื่นๆเช่น Pixel 4, Galaxy S10 ถือว่าคุ้มมากๆ เสป็คอื่นๆก็ไม่ได้แพ้ชาวบ้าน ไม่มีอะไรเป็นข้อเสียร้ายแรง
- แรม 6 GB (พอเหลือเฟือ)
- จอ AMOLED Full HD+ ภาพสวยงามไร้รอยแหว่ง (กล้องหน้าแบบ pop-up)
- Gorilla Glass 5 (ไม่แถมฟิล์มกันรอย)
- สแกนลายนิ้วมือใต้จอ เร็วดีมาก
- กล้องหลัง 3 ตัว wide 13 MP ธรรมดา 48 MP ซูม 8 MP (ไม่มีกันสั่น)
- แบท 4000 mAh
- Fast Charge 18W ชาร์จครึ่งชม.ได้ 50% (ไม่มีชาร์จไร้สาย)
- พอร์ท USB-C และพอร์ทหูฟัง 3.5
- แอบกันน้ำระดับนึง (ไม่มี rating ไม่โฆษณา แต่มีคนแกะเครื่องมาดูแล้วมียางกันน้ำเต็มเลย)
- ดู Netflix แบบ HD ได้ (Widevine L1)
ลักษณะภายนอก
จริงๆซื้อสีอะไรก็ไม่ค่อยต่างกันมาก แม้หลังเครื่องจะมีลายวูบวาบ สรุปก็ให้เคสสีดำมาทำให้แทบไม่เห็นอะไรเลย จะเห็นสีตัวเครื่องก็แค่ด้านล่าง ด้านบน กะตอนกล้องหน้า pop up ออกมา
ข้อเสียนิดนึงคือพอร์ทหูฟังอยู่ด้านบนทำให้เวลาหยิบใส่กระเป๋าไม่ค่อยถนัด (ชอบเอาหัวลงเวลาใส่กระเป๋ากางเกงเพราะมันพอดีมือ) และข้างหน้ามันสมมาตรมากๆทำให้บางทีสแกนลายนิ้วมือผิดด้านแล้วก็งงว่าทำไมเข้าไม่ได้ซักที
อีกอย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสียคือมือถือมีไฟ notification แต่มันดันไปอยู่ตรงฝากล้องหน้า คือถ้าไม่หันมือถือกลับหัวเข้าหาตัวก็จะไม่เห็น ทำให้มีประโยชน์เท่ากับไม่มี! จริงๆแล้วถ้าเขาทำซอฟแวร์ให้ใช้จอ Always on Display เป็นไฟ notification ติดค้างไว้ตอนมีอะไรเข้ามาที่จะดีมาก
แบตเตอรี่
อีกเหตุผลนึงที่เปลี่ยนเป็นเครื่องนี้คือเครื่องเก่าแบตค่อนข้างเสื่อม ถ้าใช้ปานกลางก็จะใช้ได้ไม่ถึงวันนึงแล้ว พอเปลี่ยนเป็นเครื่องนี้ก็ไม่ผิดหวัง วันนึงถ้าใช้ไม่มาก (ดู YouTube บนรถไฟฟ้านิดหน่อย ดูแชทดูเมลบ้าง) ตกเย็นก็จะมีแบทเหลือมากกว่า 50% เลยทีเดียว ส่วนถ้าใช้แบบเห่อๆนี่แบทก็ยังอยู่ได้เกิน 24 ชม. โดยใช้เป็น GPS นำทาง 1 ชม. และเปิดหน้าจอทั้งหมด 7 ชม.ตามรูปด้านบน
ซอฟแวร์
ถ้าจะพูดถึงจุดอ่อนที่สุดของโทรศัพท์เครื่องนี้ก็คงจะเป็นซอปแวร์ที่ทำได้ไม่ดีเท่า Samsung หรือ OnePlus แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นตัว MIUI มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ทุกอย่างลื่นดี หลายอย่างสวยดี หลายอย่างชอบด้วย แค่ว่ามีเรื่องเล็กน้อยที่ทำให้รำคราญ บางอย่างก็แก้ได้ บางอย่างก็แก้ไม่ได้
ตอนที่ซื้อมา Xiaomi 9T Pro มาพร้อมกับ MIUI 10 (Android 9) แต่ก็ได้มีอัพเดตเป็น MIUI 11 (Android 10) ออกมาวันเดียวกับที่ซื้อเลย ฉนั้นที่รีวิวจะเป็น MIUI 11 ที่มาพร้อม Android 10
จากรูปด้านบนก็จะเห็น หน้าจอ Home ของ MIUI ซึ่งเป็นแบบ iPhone คือไม่มีหน้ารวมแอพ แต่ทุกแอพจะมาอยู่บนหน้า Home ส่วนหน้า Setting ทำออกมาได้สวยและเข้าใจง่ายดี (อันนี้คือ Dark Mode ถ้าใครชอบสีขาวก็ปรับเป็นสีขาวได้)
ตัว Navigation Bar สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Gesture หรือใช้เป็นปุ่มบนหน้าจอ ตัว Gesture ไม่ใช่ Gesture ของ Android 10 แต่เป็น Gesture ของ MIUI ซึ่งมีข้อเสียอยู่นิดหน่อยว่าถ้าจะสลับแอพต้องเลื่อนขึ้นแล้วกดค้างไว้ ทำให้ไม่สามารถสลับแอพอย่างรวดเร็วได้ ฉนั้นส่วนตัวจึงเลือกที่จะใช้แบบปุ่มที่ถนัดกว่า
ทีนี้มาพูดถึงข้อเสียของซอฟแวร์บ้าง
- มีแอพที่มากับเครื่องหลายแอพที่ไม่ต้องการใช้ เช่น Mi Browser (ใช้ Chrome ดีกว่า) หรือ Google Play Movies แต่ระบบไม่ยอมให้ลบหรือ Disable จาก UI แต่อันนี้ยังดีมีทางแก้คือสามารถลบผ่าน adb ได้
- ถ้าเปลี่ยน Launcher เป็นตัวอื่นที่ไม่ใช่ของมันแล้วบางแอพจะไอค่อนแปลกๆ เช่นกล้องกลายเป็น Icon เก่าของ Android สมัยที่ยังเป็น 3D อยู่ซะงั้น (รูปซ้ายสุด) ซึ่งอันนี้แก้ไขได้โดยการลง Icon Pack
- ถ้ามี notification แบบ pop up ปกติจะใช้นิ้วรูดตัว notification ลงมาให้เห็น SMS เต็มๆได้ (รูปซ้ายกลาง) แต่ MIUI ไม่สามารถทำได้ต้องปิดไปแล้วเลื่อน notification shade ลงมาดูเต็มๆแทน ทำให้ไม่สะดวกตอนจะดู OTP จาก SMS
- ระบบสร้างไฟล์ขยะใน SD Card เยอะมาก อยู่ดีๆมีไฟล์เช่น MIUI ramdump dctp did ใน SD Card และไฟล์ชื่อสุ่มๆใน folder Download (รูปขวาสองรูป) อันนี้ไม่ได้มีผลอะไรในชีวิตประจำวัน แค่เวลาเปิดดูแล้วรำคราญ (ไฟล์ชื่อสุ่มๆแก้ได้โดยการปิด “Download articles for you on Wi-Fi” ใน Chrome)
สรุป
ช่วงหลังๆอาจจะพูดถึงข้อเสียเยอะไปหน่อย แต่มันก็มีแค่นั้นจริงๆนอกจากนั้นดีหมด เป็นมือถือที่คุ้มค่ามากๆในยุคที่ flagship killer ตัวอื่นๆเช่น OnePlus หรือ realme ขึ้นราคาจนกลายเป็น flagship เฉยๆไปแล้ว
สรุปแล้วนี่คือมือถือที่คุ้มค่าที่สุดตอนนี้แล้ว ใครอยากเปลี่ยนมือถือตอนนี้แนะนำอย่างยิ่ง